AST235


บทที่ 235 - หัวใจสับสนของ หมิงเยวี่ย


ไม่ใช้แค่บางจุด แต่ไม่มีจุดใดเทียบได้เลย ความมันห่างชั้นกันมากเกินไป!

"เนื่องจากเจ้าต้องการให้ข้าขายมัน แถมเจ้ายังต่อรองราคากับข้าถึงครึ่งหนึ่ง ถ้าเช่นนั้นข้าขอขายในราคาห้าล้านเหรียญเท่านั้น" ชิงสุ่ย ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับนางที่เข้าไม่ได้ใสใจ

"เงิน 5 ล้านเหรียญหลังจากลดไปแล้วครึ่งหนึ่ง? เขาคิดว่าเขาเป็นเทพที่มาจากสรวงสวรรค์หรือไง? "คนในบริเวณนั้นกล่าวโห่ร้อง

"เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ" หญิงสาวจ้องเขม็งไปที่ ชิงสุ่ย เสียงหัวเราะก่อนหน้า ถูกแทนโดยความโกรธในทันที

"ข้าดูเหมือนล้อเล่นหรอ? นี่เป็นอาวุธที่ข้าสร้างมาด้วยตัวเอง ข้าไม่มีใครบังคับให้เจ้าซื้อซะหน่อย "ชิงสุ่ มองไปที่หญิงสาวด้วยความรังเกียจ

หญิงสาวคนนั้นตกตะลึงไปชั่วครู่ และหลังจากที่เธอเรียกสติคืนมา เธอจ้องไปที่ชิงสุ่ยอย่างจริงจัง ใครจะคิดว่าช่างตีเหล็กธรรมดาจะสามารถทำให้เธอรู้สึกเช่นนั้นได้ นี่คือประเภทของผู้ชายที่เธอชื่นชอบมากสุด มันทำให้เธอใช้เสน่ห์และความงามของเธอเพื่อล่อลวงเขามากยิ่งขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเขานั้นมีอายุที่ไม่มาก และขาดประสบการณ์ เขาคงจะติดกับเธออย่างง่ายดาย ใครจะคิดว่าเธอจะเจอกับตอไม้เข้าซะเอง?

"เจ้ากล้าพูดกับข้าแบบนี้ได้ยังไง?! เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ร้านของเจ้าต้องปิดตัวลงหรือ? "นิสัยที่ไม่ดีได้ถูกแสดงออกมา เธอกระพริบของเธอขณะจ้องมองที่ชิงสุ่ย

ชิงสุ่ยก็ส่ายหัวเบาๆ เขาไม่อยากเสียเวลากับคำพูดเหล่านี้ “ข้าไม่กลัว ถ้าเจ้าสามารถก็ทำมันได้เลย "

ในขณะนี้ฮูยู นำรถม้ามาที่ทางเข้าของร้านค้า ขณะนั้นชิงสุ่ยคว้าดาบสีเงินขรุขระและเดินไปออกไปดู

เมื่อเขาผ่านหญิงคนนั้น เธอได้ก็ระเบิดพลังปราณออกมาและเล็งไปที่ท้องของเขา แต่ชิงสุ่ยก็ตอบสนองด้วยการปัดแบบสบาย ๆ และลงเอยด้วยการดาบที่ขรุขระจ่อไปที่คอของหญิงสาวคนนั้น แม้ท่าทางของเขาจะดูเชื่อช้าแต่เธอไม่สามารถป้องกันได้

ขณะที่ดาบขรุขระทิ้งบาดแผลไว้ที่คอของเธอ ร่องรอยของเลือดได้ซึมออกมาอย่างช้า ทำให้หน้าตาสวยงามของเธอเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดมีหยดน้ำตาไหลออกมาราวกับฝนตกที่กำลังตก

เธอมองไปที่รอยยิ้มที่น่ากลัวบนใบหน้าของชิงสุ่ย เธอรู้ว่าเธอกำลังอยู่ระหว่างเส้นบาง ๆ ระหว่างชีวิตกับความตาย

"ก่อนหน้านี้ถ้าเจ้าวู่วามกว่านี้ เจ้าคงจะกลายเป็นศพไปแล้ว ตอนนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ข้าจะฆ่าเจ้าโดยไม่ลังเลหรือ ออกไปซะ " ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาค่อยๆเก็บดาบของเขา

คนอื่น ๆ จองมองชิงสุ่ยที่ยิ้มอยู่ด้วยความไม่เชื่อในสายตาของพวกเขา ผู้หญิงคนนี้บรรลุถึงระดับปราณบัญชาสวรรค์ เธอมักจะนำคนของเธอออกไปเพื่อแสดงอำนาจบารมีที่เธอมี ซึ่งมันแสดงถึงความหยิ่งยโสของเธอ

โดยปกติคนเดินอยู่บนท้องถนนมักจะจ้องมองที่เธอด้วยความหลงใหล และจินตนาการต่างๆนานๆในหัวใจของพวกเขามันทำให้พวกเขานั้นเกิดความกระปรี้กระเปร่า แต่ไม่มีใครเลยที่กล้าจะแสดงออกถึงความปรารถนาอย่างแท้จริงออกมา


หลังจากนั้นฮูยูก็ได้นำอุปกรณ์ชุดใหม่มา ชิงสุ่ยสามารถพิจารณาและทราบได้ในทันทีว่าอุปกรณ์ชุดนี้มีคุณภาพที่ดีกว่าชุดเก่า เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หลังจากที่ได้สังเกตเห็นกลุ่มชายหนุ่มหญิงสาวก่อนหน้าเดินจากไป

"ชิงสุ่ย ระวังผู้หญิงคนนั้นไว้นะ นางมีภูมิหลังที่หน้ายำเกรง" ฮูยู กล่าวว่าหลังจากที่ทุกคนจากไป ความกังวลไว้ในสายตาของเขาปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน

"ภูมิหลังที่หน้ายำเกรง? ภูมิหลังอะไร "ชิงสุ่ย ถามด้วยความสนใจ ขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองทางตอนใต้ ไม่มีใครอื่นนอกจาก นิกายกระบี่อมตะ, นิกายสราญรมย์, และราชนิกูลจักรพรรดิอสูร.

"นางเองไม่อาจคิดอะไรมากก็จริง แต่นางเป็นคนรักขององค์ชาย3 แห่งราชนิกูลจักรพรรดิอสูรโดยปกติแล้วไม่มีใครกล้าที่จะแตะต้องนาง เพราะชื่อเสียงของ ราชนิกูลจักรพรรดิอสูรข้าได้แค่หวังว่านางจะไม่มีคิดร้ายต่อเจ้า "ฮูยู อุทานออกมาอย่างกังวล

“อย่ากังวลไปเลย ไหนเจ้าลองประเมินสิว่าของชิ้นนี้สามารถขายได้เท่าไหร่ "ชิงสุ่ย ยิ้มและส่งดาบขรุขระในมือของเขาให้กับ ฮูยู

ฮูยูสังเกตุดาบของชิงสุ่ยอย่างละเอียด ความชื่นชม ความปลื้มปิติได้แสดงออกมาทางใบหน้าของเขา เขาบอกกับชิงสุ่ย ว่าเขานั้นรู้สึกประทับใจอย่างยิ่งกับฝีมือในการสร้างอาวุธชนิดนี้

หลังจากผ่านไปนานฮูยู ก็ถอนหายใจ "มันเป็นสินค้าที่ดี แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องเล็กน้อย กับข้ามันมีคุณค่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่ามันไม่มีค่าอะไรเลย ไม่มีสามารถขายได้ในราคาที่สูง "

ชิงสุ่ย เข้าใจว่าฮูยู กำลังพยายามจะพูดอะไร อย่างไรก็ตามอาวุธชิ้นนี้ไม่ได้เป็นน่าสนใจสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นเทียนเซียนสำหรับขั้นเทวะเทียนเซียนเป็นขั้นที่มีผู้บ่มเพาะอยู่จำนวนมาก แต่มีน้อยคนจะสามารถผ่านพ้นไปได้ ว่ากันว่ามีโอกาสหนึ่งในหมื่นเท่านั้นที่สามารถข้ามไป ถ้าพิจารณาจำนวนคนที่อาศัยอยู่ในโลกของทวีปเก้า คงมีผู้เชี่ยวชาญหลายพันคนที่อยู่เหนือระดับเทียนเซียนเป็นแน่

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่บ่มเพาะอยู่ในระดับล่างกว่าเทียนเซียน อาวุธชิ้นนี้นี้สามารถขายได้ในราคาที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมีคนรวยมากมายอยู่รอบๆมากมาย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มั่งคั่งเพียงพอที่จะซื้อ

ชิงสุ่ยหัวเราะเบาๆ เขายังคงต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายที่ใช้เมื่อสร้างกระบี่แต่ละครั้ง หลังจากที่ชื่อเสียงของเขาได้รับการยอมรับแล้ว จะมีคนนำวัตถุหายากมาให้เขาใช้ เพื่อสร้างอาวุธให้กับพวกเขา เมื่อถึงเวลานั้นเขายังสามารถได้รับชิ้นส่วนหนึ่งของวัสดุที่หายากเหล่านั้นเป็นรางวัล

"พี่ใหญ่ฮูยู ท่านช่วยสร้างป้ายประกาศ และบอกว่าพวกเรากำลังรับซื้อโลหะทุกประเภท ใครก็ตามสามารถใช้วัตถุดิบใด ในการแลกเปลี่ยน หรือหากพวกเขาต้องการใช้วัตถุดิบเหล่านั้นสร้างพวกอาวุธในอนาคต พวกเรายินดีที่จะผลิตอาวุธให้พวกเขา ดังนั้นพวกเราจึงต้องการที่จะยกระดับราคาให้สูงยิ่งขึ้น "ชิงสุ่ย กล่าวอย่างมีความสุข เขารู้สึกว่าอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขากำลังเริ่มต้นขึ้น

"เอาล่ะนี่เป็นเรื่องง่าย แล้วเราควรกำหนดราคาขายที่เท่าไหร่? "ฮูยู ถาม

"เนื่องจากเราเพิ่งเริ่มต้นขาย เราจำเป็นต้องสร้างการประชาสัมพันธ์บางอย่างก่อน งั้นเราควรตั้งราคาที่จะทำให้ทั้งเมืองต้องตกตะลึง? "ชิงสุ่ยถามกลับ

"งั้นเราควรจะตั้งราคาที่สูงมาก ... " ฮูยูตอบกลับหลังจากได้รับการพิจารณาแล้ว

"เอาล่ะ นั้นตั้งราคาเป็นห้าล้านเหรียญเงิน มันจะทำให้ข่าวกระจายได้อย่างรวดเร็ว มันไม่สำคัญหรอกที่ใครจะบอกว่าเราเป็นคนบ้าหรือคนโง่ สิ่งที่เราต้องการคือการประชาสัมพันธ์ร้านเท่านั้น "

หลังจากที่ท้องฟ้ามืดลง ชิงสุ่ยก็ตัดสินใจกลับไปยังที่พักที่เขาซื้อมาก่อน หน้านี้ไม่นาน เขาเห็น หมิงเหยี่ย และลิ่วลี่ที่เดินใกล้เข้ามา ชิงสุ่ยถูจมูกของเขาและยิ้มขณะที่เขาจ้องที่ทั้งสองคนอย่างมีความสุข

“ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ไปที่กลับบ้านละ? เจ้าทั้งสองคนมาทำอะไรอยู่ที่นี่? "ชิงสุ่ยหลุดพูดออกไป เขาเสียใจทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกมาจากปากของเขา

"เจ้าไม่ต้องการที่จะเห็นเรา ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ขอตัวลา พวกเราไปจากที่นี้กันเถอะ?" พี่หมิงเหยี่ยกล่าวโทษชิงสุ่ย

ชิงสุ่ย ไม่ทันได้ตอบคำถามของนาง หมิงเหยี่ยได้หันหน้าและเดินออกไปทันที ลิ่วลี่เหลือบไปมองที่ชิงสุ่ย ด้วยความโกรธเคืองที่แสดงออกทางดวงตาของเธอ "ชิงสุ่ย เจ้าทำให้พี่สาวหมิงเหยี่ย โกรธ อีกแล้ว ข้าขอตัวลาละ"

ลิ่วลี่ วิ่งไปตามไปทางทิศที่หมิงเหยี่ยจากไปทันที ชิงสุ่ยถูจมูกของเขาๆสงสัยว่าเขาควรทำอย่างไร ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับจริงๆ เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมหมิงเหยี่ยถึงได้โกรธอย่างขนาดนั้น... มันอาจจะเป็นเพราะเธอกำลังมีประจำเดือนรึป่าว?

หลังจากที่จากไปหมิงเหยี่ย เธอกำลังพบว่าเธอกำลังสับสนอยู่ เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอโกรธเขาขนาดนั้น วันนี้เธอได้ช่วยเขาหลายอย่างมากมาย เธอได้ช่วยเขาหาบ้าน และเธอได้ช่วยเขาทำความสะอาดที่นอนของเขา ... แต่ทำไมเธอรู้สึกราวกับว่าเขาไม่ชอบสายตาของเธอเลย?

เหตุใดเขาถึงไม่ชอบข้า? ทำไมเขาถึงไม่อยากเห็นหน้าข้า?

เธอกำลังสับสนอย่างมาก หรืออาจเป็นเพราะว่าชิงสุ่ยไม่ชอบที่เธอมักจะแสดงท่าทางโกรธออกมา.........?

"ข้าไม่ชอบเขา ข้าไม่ชอบเขา ในหัวใจของเขาไม่มีข้าอยู่เลย ข้าก็ไม่อยากเจอเขาอีกในอนาคต "หมิงเหยี่ย บอกตัวเองอย่างเงียบ ๆ

"พี่สาวหมิงเหยี่ย!" ลิ่วลี่วิ่งไปทางหมิงเหยี่ย อย่างจริงจัง เธอมองที่หมิงเหยี่ย ขณะที่เธอกอดแขนข้างหนึ่งหมิงเหยี่ย ไว้

"นี่เป็นพฤติกรรมปกติของ ชิงสุ่ย เขาไม่ได้มีเจตนาอื่นๆ ท่านไม่โกรธเขาใช่มั้ย? "ลิ่วลี่ ปลอบหมิงเหยี่ย

"ข้าไม่โกรธ ไปกันเถอะและไม่ได้พูดถึงเขาอีก" หมิงเหยี่ย ยิ้มขณะที่เธอดึงแขนของลิ่วี่ให้เดินไปพร้อม ๆ กัน

ลิ่วลี่ รู้สึกขมขื่นในใจของเธอเล็กน้อย เธอเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับหัวใจของคัหมิงเหยี่ย ถึงแม้ว่าในขณะนี้เธอไม่มีความรู้สึกกับชิงสุ่ยมากนัก แต่อย่างน้อยเธอก็เริ่มที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเขา และมีภาพของเขาในหัวใจของเธอ

ชิงสุ่ย รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก หมิงเหยี่ย ได้ทิ้งความโกรธลึกลับไว้ก่อนจากไป มันที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดข้างในหัวใจ เขาได้แค่มองไปทางด้านหลังของเธอในตอนนี้ ชิงสุ่ยยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะทำอะไร เขายังต้องการที่จะเห็นรอยยิ้มที่เขินอายของหมิงเหยี่ย อีกครั้ง


ชิงสุ่ย ลูบที่หน้าผากของเขาพยายาม เขาลบความคิดของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้หญิงเป็นปัญหาจริงๆ แต่นี่เป็นปัญหาที่เขาสร้างมันขึ้นด้วยตัวเอง!

ชิงสุ่ยเดินไปทางด้านนอกของร้านช่างโลหะ ชิงสุ่ยหยิบเครื่องมือตีเหล็กที่ถูกทิ้งไว้ข้างนอกตั้งแต่แรก จากนั้นเขาก็ได้อธิบายถึงสิ่งที่เขาจะใช้มัน ภายใต้การจ้องมองที่น่าประหลาดใจของฮูยู ชิงสุ่ยจะนำเครื่องมือเหล่านั้นออกไปไหน!

ความคิดเห็น